"หริธนู" ของวิเศษอันมหัศจรรย์จากการกวนเกษียรสมุทร

           ถ้าหากพูดถึงวรรณกรรมมหาภารตะ ทุกคนคงรู้จักกับเหตุการณ์การกวนเกษียรสมุทรใช่ไหมคะ วันนี้ก็จะมาแนะนำความรู้จากการกวนเกษียรสมุทร ว่าเป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับอะไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง และมีของวิเศษที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรมีอะไรบ้างนั้น 👉ไปติดตามกันเลยค่ะ👈

ที่มา:http://www.pikanetcnx.com/home/post03062018424/

ประวัติความเป็นมาของการกวนเกษียรสมุทร

           พระอินทร์เสด็จลงมาบนโลกและได้พบกับฤๅษีทุรวาสที่รับดอกไม้สักการะจากพระแม่ปาราวตี แต่ฤๅษีเห็นว่าหากตนคล้องดอกไม้จากพระแม่คงจะไม่เหมาะสม จึงได้ถวายดอกไม้นั้นแก่พระอินทร์ เมื่อพระอินทร์รับแล้วก็ทรงมอบแก่พระชายาอีกต่อหนึ่ง แต่ด้วยกลิ่นของดอกไม้ทำให้พระชายามึนเมาจึงทิ้งไป  

           ฤๅษีเห็นดังนั้นก็โกรธจึงสาปแช่งพระอินทร์และบริวารให้อ่อนกำลังลงและพ่ายแพ้ในสงคราม  เมื่ออสูรทราบข่าวพระอินทร์โดนสาปแช่ง จึงได้ยกทัพไปตีสวรรค์ ทำให้พระอินทร์พ่ายแพ้ 

           และเพื่อฟึ้นคืนกำลังจึงต้องทำการกวนเกษียรสมุทรให้เกิดน้ำอมฤตที่เมื่อดื่มกินจะเป็นอมตะและกำลังมากขึ้น โดยมีพระวิษณุได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในการย้ายภูเขามันทรคีรี   ซึ่งเป็นภูเขาที่เป็นแหล่งกำเนิดมณีนพรัตน์มาไว้เกษียรสมุทร 

                ที่มา:http://huexonline.com/knowledge/20/82/

            แต่เนื่องจากเทวดาฝ่ายเดียวไม่สามารถกวนเกษียรสมุทรให้สำเร็จได้จึงต้องชักชวนอสูรมาด้วย โดยเทวดาออกอุบายว่าจะแบ่งน้ำอมฤตครึ่งหนึ่งให้ แต่เมื่อกวนจนได้น้ำอมฤตมาแล้วเทวดาก็ออกอุบายหลอกอสูรเพื่อให้พวกตนได้ดื่มน้ำอมฤตก่อน

            แต่ราหูได้แปลงตนเป็นเทวดาทำให้ได้ดื่มน้ำอมฤต แต่พระอาทิตย์กับพระจันทร์ทราบเรื่องจึงฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงขว้างจักรตัดราหูขาดเป็นสองท่อนแต่ไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตทำให้เป็นอมตะแล้ว ราหูจึงโกรธแค้นพระอาทิตย์กับพระจันทร์เมื่อเจอกันครั้งใดก็จะอมพระอาทิตย์กับพระจันทร์

ที่มา :https://www.facebook.com/ganesinn/photos/pcb.442251042569339/442250962569347/?type=3&t

           “การกวนเกษียรสมุทร” ถือเป็นพิธีกรรมยิ่งใหญ่ที่เหล่าเทพและอสูรมาร่วมมือกัน เนื่องจากหวังของวิเศษที่อุบัติจากการกวนครั้งนี้ โดยเฉพาะ“น้ำอมฤต” ซึ่งจะทำให้ผู้ดื่มกลายเป็นอมตะ นอกจากนั้นยังประกอบด้วยสิ่งมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง ได้แก่ 

      👉พิษหะลาหัล        👉  ดวงจันทร์

      👉แก้วเกาสตุภะ      👉ดอกบัวที่ผุดออกมาพร้อมพระแม่ลักษมี 

      👉วารุณีซึ่งเป็นเทวีแห่งสุรา  👉 ช้างเผือกเอราวัณ 

      👉ม้าอุจฉัยศรพ       👉ต้นปาริชาติ 

      👉โคสุรภี                👉หริธนู

       👉สังข์                     👉พิษร้าย ฝูงนาคและงูสูบพิษไว้  

      👉เหล่านางอัปสร    👉ธันวันตริผู้เป็นแพทย์สวรรค์ 

           

         แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหนึ่งสิ่งของวิเศษอันมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากการกวนเกษียรสมุทรกัน สิ่งนั้นคืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร มาทำความรู้กันไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

หริธนู





ที่มา :https://www.facebook.com/raewat2494/photos/pcb.1667314263549646/1667314236882982/?type=3&theater

         หริธนู มีที่มาจาก  "หริ" หมายถึง พระวิษณุ มีอีกพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ

     ➤พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก  

     ➤พระนารายณ์ หรือ พระหริ มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล

     ➤พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งสาม

ซึ่งพระวิษณุมี ๔ กร ทรงถืออาวุธสิ่งของต่างๆ ได้แก่  คือ

                                                                                                                                         ทีมา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%

                    1. สังข์ สังข์นี้ชื่อว่า “ปาญจะชันยะ”

                    2. จักร มีชื่อว่า สุทรรศนะ หรือ วัชรนาภ

                    3. คทา มีชื่อว่า เกโมทที

                    4. ธรณี มักทำเป็นดอกบัว

  
ที่มา :https://sites.google.com/site/hsmneducation/reference-material/hindu-deities/sri-vishnu

นอกจากอาวุธ 4 อย่างแล้ว พระวิษณุยังมี
ธนูและพระขรรค์อีก และอาวุธประจำที่ใช้ คือ สังข์ จักร คทา ธนู และพระขรรค์  ซึ่งธนูได้มาจากการกวนเกษียรสมุทรนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าธนูและพระขรรค์จะปรากฎเฉพาะพระวิษณุมี 6 กรเท่านั้น

ลักษณะของหริธนู

 
       

      หริธนูหมายความว่า  ธนูของพระหริ หรือ พระวิษณุ ซึ่งลักษณะของหริธนู คือ ธนูที่ยิงไปไม่มีวันพลาดเป้า  ซึ่งพระวิษณุรับนำมาไว้ใช้เป็นของส่วนตัว หลังเกิดการกวนเกษียรสมุทร

ลักษณะงานศิลปะ

งานภาพเขียนของวิเศษที่เกิดจากการเกษียรสมุทร


ที่มา :https://www.facebook.com/ganesinn/photos/pcb.442251042569339/442250962569347/?type=3&t


ประติมากรรมอาวุธประจำกายของพระวิษณุ


 ที่มา :https://sreenivasaraos.com/tag/vishnu/?fbclid=IwAR1F3iUQAfVAa5X4wYurv5SUKYNR6Ga7DtiRd-9faKdDlqNIPoEQ0QblTs8

                                                                                              งานภาพเขียนอาวุธประจำกายของพระวิษณุ

ที่มา :https://sreenivasaraos.com/tag/vishnu/?fb

                                                                    

      จะเห็นได้ว่าตัวอย่างของงานศิลปะหริธนู ที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรนั้นไม่ค่อยปรากฎเห็นในงานศิลปะมากเท่าไหร่ แต่จะปรากฎเป็นในงานศิลปะเกี่ยวกับอาวุธประจำกายของพระวิษณุแทน จึงทำให้ไม่มีประวัติหรือข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะหริธนูเท่าที่ควร

  ดังนั้น หริธนู ถือเป็นอาวุธประจำกายที่สำคัญของพระวิษณุ   ซึ่งหริธนูมีความสามารถคือ เมื่อยิงธนูไปแล้วจะไม่มีวันยิงพลาดเป้าเด็ดขาด

อ้างอิง

ศิลปะไทย.(2558).ตำนานพระนารายณ์.สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561. จาก http://www.silpathai.net/%E0%B8%95%E0%B8

ookhin. (2555). ตำนานการกวนเกษียรสมุทร. สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561. จาก https://www.unzeen.com/article/1976/

wiki.(2561).พระวิษณุ.สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561.จาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E

vibhuti.(2561).หริธนู.สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561.จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/vibhuti/2009/05/25/entry-8

ปราสาทแปรรูป ปราสาทแห่งสมัยพระนคร

ที่มา :https://athlons.blogspot.com/2012/04/AngkorWat-03.html

💗สวัสดีค่าา💗  วันนี้ก็จะมาแนะนำโบราณสถานที่สำคัญในกัมพูชาค่ะ ถ้าพูดถึงกัมพูชาทุกคนก็จะนึกนครวัดกันใช่ไหมคะ ในกัมพูชานั้นมีแหล่งโบราณสถานมากมายที่ทุกคนยังไม่ค่อยรู้จักกัน วันนี้ก็จะมาแนะนำปราสาทที่อยู่ในสมัยเมืองพระนครกันค่ะ และมีความสวยงามของโบราณสถานไม่แพ้นครวัดกันเลยทีเดียว 👇จะเป็นที่ไหนนั้นไปดูพร้อมกันเลยค่าาา👇

ปราสาทแปรรูป

ที่มา:https://cn.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g297390-d1019983-i55403930-Pre_Rup-Siem_Reap_Siem_Reap_Province.html

ประวัติความเป็นมา

           ปราสาทแปรรูปจัดเป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปพระนครพระเจ้าเซนทรวรมันที่ 2 ทรงเลือกบริเวณทิศใต้เพื่อตั้งเป็นเมืองหลวงและปราสาทแปรรูปแห่งนี้  จึงได้โปรดให้สร้างปราสาทแปรรูปขึ้น โดยสร้างปราสาทอิฐ 5 หลัง ตั้งบนฐาน 3 ชั้น และยังมีปราสาทบริวารขนาดเล็กรายล้อมอยู่บนฐานชั้น 1  เพื่ออุทิศถวายให้แก่พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม 

         คำว่า"แปรรูป"มาจากความหมายที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกายสันนิษฐานจากลักษณะของหีบ ซึ่งทำจากหินทราย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ก่อนขึ้นไปสู่ปรางค์ประธาน หีบหินทรายนี้ กล่าวกันว่าใช้สำหรับบรรจุพระอิฐของพระมหากษัตริย์

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม

           ปราสาทแปรรูป เป็นปราสาทบนฐานเป็นชั้นที่มีปราสาทยอดสร้างด้วยอิฐเช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆในศิลปะสมัยพระนครตอนต้น  มีการพัฒนาการใหม่ที่สามารถสังเกตได้ก็คือ ปราสาทประธานได้เพิ่มจำนวนเป็น 5 หลังเป็นครั้งแรกและปราสาทเริ่มปรากฏ “อาคารยาวๆ” โดยรอบซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับระเบียงคดในระยะต่อมา อาคารยาวๆเหล่านี้คงใช้เป็นที่เก็บของหรือเป็นที่พัก ด้านหน้าปราสาทปรากฏแท่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งคงเป็นที่ประดิษฐานโคนนทิมาก่อน ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว

ผังปราสาทแปรรูป

ที่มา :http://www.thapra.lib.su.ac.th/supat/slide/result.php?pageNum_rs=17&totalRows_rs=215&check=type&keyword=7&Submit322=Search

ที่มา :https://pantip.com/topic/32860262

ที่มา :http://www.taraarryatravel.com/info_page.php?id=824&category=36

ศิลปกรรมในปราสาท

ทวารบาลสตรีที่ปราสาทประจำมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทแปรรูป

ที่มา:http://art-in-sea.com/th/data/cambodia-art/

   

     จากรูปแบบงานศิลปกรรมที่อยู่ในศิลปะแปรรูป มีอายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ 15  มีลักษณะเป็นโกลนอิฐประดับลายปูนปั้นที่องค์ปราสาท ทวารบาลสตรีมีเศียรเป็นม้า สวมกระบังหน้า มีรัดเกล้าเป็นทรงกรวยแหลม มี 4 กร ทรงถือสิ่งของคล้ายจักรและกระบอง ประทับยืนอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือกรอบซุ้มเป็นหลังคาทรงปราสาทแบบเรือนซ้อนชั้น ที่มุมต่างๆ ของปราสาทมีเสาติดผนังตกแต่งด้วยลายก้านขด

  

ทับหลังรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณที่ปราสาทประจำมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทแปรรูป

ที่มา:http://art-in-sea.com/th/data/cambodia-art/

        จากรูปแบบงานศิลปกรรมที่อยู่ในศิลปะแปรรูป มีอายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นทับหลังสลักที่มีภาพเล่าเกี่ยวกับบุคคลประทับนั่งอยู่บนช้างสามเศียรที่อยู่กลางภาพหมายถึงพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณเทพประจำทิศตะวันออก

ทับหลังรูปพระยมทรงกระบือที่ปราสาทประจำมุมของปราสาทแปรรูป

ที่มา:http://art-in-sea.com/th/data/cambodia-art/

      จากรูปแบบงานศิลปกรรมที่อยู่ในศิลปะแปรรูป มีอายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ 15  ทับหลังสลักมีภาพเล่าเรื่องขนาดใหญ่อยู่กลางภาพ เป็นรูปกระบือ 3 ตัว เหนือขึ้นไปน่าจะมีบุคคลประทับนั่งอยู่ ใต้กระบือลงไปเป็นรูปสิงห์ 3 ตัว ขนาดใหญ่ ด้านบนมีรูปบุคคลขนาดเล็ก ที่ใบไม้ม้วนด้านบนและล่างนิยมแทรกด้วยรูปบุคคลขนาดเล็ก ขอบด้านบนมีรูปแถวบุคคลขนาดเล็กอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว ส่วนขอบด้านล่างสลักเป็นแถวลายรูปกลีบบัว ซึ่งรูปบุคคลที่ชำรุดเสียหายไปนั้นประทับนั่งอยู่บนหลังกระบือน่าหมายถึงพระยมทรงกระบือ เทพประจำทิศใต้

สถานที่ตั้ง

ที่มา: https://pantip.com/topic/32464882

      ปราสาทแปรรูป อยู่ห่างจากเมืองเสียมเรียบประมาณ 10 กิโลเมตร (ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ประเทศกัมพูชา

ค่าธรรมเนียมการเข้าชม

  

สามารถใช้ตั๋วที่เข้าชม Angkor wat เป็นบัตรผ่านเข้าชมได้เลยซึ่งจะมีหลายราคา ดังนี้

  👉  1 วัน ราคา 37 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 1,300 บาท

  👉  3 วัน ราคา 62 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 2,200 บาท

  👉  7 วัน  ราคา 72 ดอลลาร์สหรัฐฯ  หรือกว่า 2,500 บาท

   อีกทั้งปราทสาทแปรรูปยังเป็นที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาชมบรรยากาศดวงอาทิตย์ตกดิน และยังเต็มไปด้วยศิลปะแปรรูปซึ่งอยู่ในสมัยเมืองพระนคร ซึ่งมีความสวยงามตระการตามากๆ และสถาปัตยกรรมปราสาทยังมีการพัฒนาการออกแบบที่ก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

      

    ก็อยากจะเชิญชวนทุกคน มาชื่นชมศิลปะและความสวยงามของปราสาทแปรรูปกันนะคะ จะพบกับความอลังการในปราสาทอย่างแน่นอน   

อ้างอิง

กวิฐ ตั้งจรัศวงศ์. (2556).ปราสาทแปรรูป. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม2561. จาก : http://www.taraarryatravel.com/info_page.php?id=824&category=36

เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2560).ปราสาทแปรรูป. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม2561. จาก : http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/

ธารายา. (2560).ปราสาทแปรรูปเมืองพระนคร. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม2561. จาก : http://www.taraarryatravel.com/info_page.php?id=824&category=36

sukit. (2553).ปราสาทแปรรูป. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม2561. จาก : http://portal.psu.ac.th/blog/s-journey-i/16395

Wat Phu มรดกโลกแห่งลาวใต้

               

ที่มา: https://sites.google.com/site/funtravelaec/laos/prasath-hin-wad-phu

                  💫 สบายดี😊ไปเที่ยวลาวกันเถอะ วันนี้ก็จะมาแนะนำโบราณที่สำคัญของประเทศลาวกันค่ะ ซึ่งสถานที่ที่จะแนะนำนั้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศลาวซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาและเต็มไปด้วยความสวยงามของศิลปะโบราณสถาน อีกทั้งยังได้รับการรับรอง และขึ้นทะเบียนจากองค์การ UNESCO ให้เป็นสถานที่เมืองมรดกโลกอีกด้วย จะเป็นที่ใดนั้นเชิญติดตามกันเลยค่าา

ปราสาทหินวัดพู แขวงจำปาศักดิ์

ประเทศลาว

ที่มา :https://www.worldatlas.com/articles/vat-phou-temple-and-champasak-culture-sites-in-laos.html

ความเป็นมา

     
             ปราสาทหินวัดพูตั้งอยู่ที่บนเนินเขาพู ในแขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว  ปราสาทวัดพูเป็นโบสถ์พราหมณ์ที่สร้างถวายพระศิวะ ตั้งอยู่บนเนินเขาภู หรือเรียกกันว่า ภูควาย  

             ลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหาร สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน ถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด  

          อีกทั้งปราสาทหินวัดพู ถือเป็นปราสาทหินเขมรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศลาว และเป็นแหล่งศาสนสถานของอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัย จึงทำให้ปราสาทหินวัดพูได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์กรUNESCO 

ที่มา :http://www.visit-laos.com/champasak/wat-phu.htm

ประวัติ

        ปราสาทหินวัดพู หรือวัดพู นครจำปาสัก ในอดีตเคยป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ 
          👉อาณาจักรเจนละ ในช่วงศตวรรษที่ 6-8 ได้ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้า 
         👉 อาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร ได้เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหิน 
          👉อาณาจักรล้านช้าง ได้เปลี่ยนเทวลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท

      ปัจจุบันปราสาทหินวัดพู ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธ เพราะว่านับตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา ศาสนาพุทธได้เข้ามาแทนที่ศาสนาฮินดู

http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/%E0%B8%9B%E0

www.tourismlaos.org/show.php?Cont_ID=28

สถาปัตยกรรม

                สถาปัตยกรรมปราสาทหินวัดพูจะคล้ายกับเขาพระวิหาร 
  ตัวปราสาทวัดพูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และวางแผนผังเป็นแนวยาวตามลักษณะของปราสาทเขมร ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นภูเขา แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันคือ ลักษณะภูมิประเทศบริเวณปราสาท ซึ่งด้านหลังปราสาทหินวัดพูนั้น จะมองเห็นภูเขาแต่ไกล มีรูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขานี้ว่า “เขานมสาว”แต่ชาวบ้านมักนิยมเรียกว่า“ภูเกล้า” 

ที่มา : adventuressetravels.wordpress.com/2012/05/29/laos-angkor-wat/

       

               อาณาเขตของปราสาทหินวัดพู เริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้นลดหลั่นกันขึ้นมา 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่บนสุด 
              นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะเห็นซากวังที่พระราชวงศ์สายจำปาสักให้สร้างขึ้น ถัดมามีบันไดทางขึ้น ขั้นที่ตัดในแนวตะวันออก – ตะวันตกจะทอดผ่านสระน้ำทรงสี่เหลี่ยม 2 แห่ง ชั้นกลางมีปรางค์ 2 หลังขนาบ

ที่มา :www.tourismlaos.org/show.php?Cont_ID=28

       เหนือโคปุระหรือประตูทางเข้าทั้งสองเป็นทับหลังแกะสลักภาพนูนต่ำเล่าเรื่องราวในศาสนาฮินดู  

ที่มา: https://dputhp.wordpress.com/2014/07/23/km09

ที่มา:http://www.oceansmile.com/Lao/Watphu.htm

         ในบริเวณวัด จะมีบันไดที่มีรูปรางคล้ายเกล็ดนาคมาถึงหินสลักรูปโยนี แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของศาสนาฮินดู   
         ในอดีตมีการต่อรางน้ำที่ไหลออกจากหินย้อยในถ้ำบริเวณด้านหลังมาสู่ศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในองค์ประธาน เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม ซึ่งบ่งบอกได้ว่าปราสาทวัดพููแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูไศวนิกาย แต่ปัจุบันศิวลึงค์ได้ถูกนำออกมาและเปลี่ยนไปเป็นพระพุทธรูปแทน ชาวบ้านนิยมนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา และเรียกปรางค์ประธานแห่งนี้ว่า หอไหว้

ที่มา:http://www.oceansmile.com/Lao/Watphu.htm

ที่มา:http://www.oceansmile.com/Lao/Watphu.htm

    ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของปราสาทหินวัดพูที่ทำให้แตกต่างจากปราสาทหินหลังอื่นๆในสายวัฒนธรรมเขมร

       👉  คือ การออกแบบก่อสร้างปราสาทหินหลังนี้ ได้ใช้ภูมิปัญญาการจัดวางส่วนประกอบต่างๆ อย่างผสมผสานกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของภูเกล้า

       👉   การสร้างปราสาทมีความเชื่อทางศาสนา มีการวางผังสิ่งก่อสร้างทั้งหมดของกลุ่มปราสาท ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยของชุมชน  โดยภูเกล้าเป็นแกนกลางบนพื้นฐานถือความเชื่อว่า ภูเกล้าเป็นสถานที่สิงสถิตของศิวเทพ และแม่น้ำโขงเบื้องหน้าด้านทิศตะวันออก ก็เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งมหาสมุทรที่ล้อมรอบ จึงถือว่าการจัดวางผังของปราสาทหินแห่งนี้ ถือเป็นการวางผังปราสาทที่ดีงาม

ที่มา:http://filmi-onlain.info/jpgipng-isaan.shtml

           

ที่มา: http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/%

ที่มา: http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/%

             ในปัจจุบันที่ปราสาทวัดพู มีการจัดงานประจำปีวัดภู ในช่วงวันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี   

            เพราะ ปราสาทวัดภู ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธ  นับตั้งแต่ศาสนาพุทธได้เข้ามาแทนที่ศาสนาฮินดู จึงทำให้ศาสนสถานที่เคยเป็นของอาณาจักรขอม ได้เปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมของศาสนาพุทธ

ที่มา :http://laos-travel.blogspot.com/2013/10/VatPhou.html





การเดินทาง

                       การเดินทางไปปราสาทหินวัดพูจะสามารถไปได้ 2 วิธี  

👉ทางบก  สามารถนั่งรถยนต์เข้าไปถึงปากทางเข้า แล้วต่อรถสองแถวเข้าไปยังบริเวณปราสาท หรือหากต้องการใช้รถส่วนตัวก็สามารถขับเข้าไปบริเวณปราสาทได้เลย 

👉 ทางน้ำ สามารถล่องแพมาเทียบที่ฝั่งจำปาสักแล้วต่อรถรับส่งเข้ามาบริเวณปราสาท ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 กีบ หรือ 200 บาทไทย 

  ที่มา:   http://www.oceansmile.com/Picture50/Lao27July/730/IMG_0093.jpg






              และแล้วทุกคนก็ได้รู้จักปราสาทหินวัดพูกันแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งปราสาทหินวัดพูเป็นปราสาทที่ได้รับอิทธิพลที่หลากหลายทั้งอิทธิพลจากขอม ศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธ ทำให้เกิดวัฒนธรรม และความเชื่อที่หลากหลายจนได้รับให้เป็นมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากๆที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะของโบราณสถาน ที่ทุกคนไม่ควรพลาด  ไปเที่ยวลาวกันค่าาา💓

💖ในครั้งหน้าจะพาไปแนะนำสถานที่ใด ฝากติดตามด้วยนะคะ💖

อ้างอิง

Amazing Thailand. (2560). ปราสาทวัดพู สถาปัตยกรรมโดดเด่น มรดกโลกที่ควรรักษา. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม2561. จาก : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th

Auau aauu. (2561). ปราสาทหินวัดพู มรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว

. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม2561. จาก http://laos-travel.blogspot.com/2013/10/VatPhou.html 

NorthNFE. (2560).มรดกโลกในลาว 2. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม2561. จาก http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/2_10.html

Oceansmile. (2561). ลาวใต้ ปราสาทหินวัดพู หรือ ปราสาทวัดพู : สถาปัตยกรรมขอมโบราณ มรดกโลกแห่งลาวใต้. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม2561. จาก  http://www.oceansmile.com/Lao/Watphu.htm

wikipedia. (25ุ61). ปราสาทหินวัดพู . สืบค้นเมื่อ  5 ตุลาคม2561. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/%